เงินทองต้องวางแผน
เรามีความตั้งใจนำเสนอ หัวข้อนี้ เนื่องจากมีโอกาสร่วมสัมมนาที่ ศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่รู้จักกัน นั่นก็คือ TSI โดยวิทยากรคือ ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์ ซึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และจะทำให้เราคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อนำไปสู่ความเป็นอิสรภาพทางการเงินกันจริงๆ ซะที
ความมั่งคั่ง ที่ใครๆ อยากมี ทำกันอย่างไร
มีเคล็ดลับและวิธีการสร้างความมั่งคั่ง เพื่อให้นำไปสู่เป้าหมาย เป็นอย่างไรนั้น
ขอพูดคร่าวๆ เพราะในรายละเอียดนั้นเป็นเอกสารจากทาง TSI ค่ะ
ถ้าเรายังไม่มีอิสรภาพทางการเงิน เราต้องรักในสิ่งที่ทำอยู่
เมื่อไหร่ที่มีอิสรภาพทางการเงิน ก็สามารถทำในสิ่งที่เรารักได้
แล้ว คำว่า อิสรภาพทางการเงินคืออะไร ??? ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต้องการ
โดยไม่จำเป็นต้องทำงาน หรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน
คนรวย จะสอนลูกสอนหลานให้รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เนื่องจากคนรวยจะนำกำไรไปลงทุนในทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้มากขึ้น
ส่วนคนชั้นกลาง จะรีบร้อนเอาเงินกำไรไปก่อหนี้สินเพิ่มรายจ่าย เช่น ดาวน์รถหรู ซื้อบ้านหลังใหญ่
เป็นต้น (ที่มา : หนังสือจัดทัพลงทุน ดร.สมจินต์
ศรไพศาล)
ทำไมต้องออม มี 2 สาเหตุหลักใหญ่ๆ คือ
- ออมไว้ไม่ขัดสน
เพื่อใช้ยามเจ็บป่วยฉุกเฉิน เพื่อการศึกษา เพื่อทำธุรกิจ
เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิต เพื่อสร้างอนาคต
เพื่อมีเงินใช้ในวัยเกษียณไม่ต้องเป็นภาระลูกหลาน
เพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลานและสังคม
- วงจรชีวิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องมาจาก ต้องการการศึกษาที่สูงขึ้น ต้องการเกษียณเร็วขึ้น
แต่งงานและมีลูกช้า ต้องพึ่งพาตนเองโดยใช้เงินเยอะขึ้น อายุยืนทำให้มีระยะเวลาการใช้เงินหลังเกษียณมากขึ้น
กระบวนการสร้างความมั่งคั่ง มี 4 ข้อดังนี้
- การสร้างความมั่งคั่ง (Wealth
Creation) คือมีวินัยการออม
และรู้วิธีควบคุมค่าใช้จ่าย
- การปกป้องความมั่งคั่ง (Wealth Protection) เป็นการปกป้องคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดความเสียหายขึ้นกับทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง
โดยผ่านการวางแผนการประกัน (Insurance Planning) ทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง
บางท่านอาจนึกถึงแต่ทรัพย์สินที่ไม่มีชีวิต
ท่านอาจลืมทรัพย์สินที่มีชีวิตที่ทำหน้าที่สร้างรายได้และความมั่งคั่ง ได้แก่
ตัวเรา และผู้อยู่ในอุปการะ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ทำให้เกิดความสูญเสียทางการเงิน
เป็นหนทางสู่ความมั่งคั่งที่ลดลง
- การสะสมความมั่งคั่ง (Wealth
Accumulation) ด้วยการวางแผนภาษี (Tax
Planning) และ การวางแผนการลงทุน (Investment
Planning) ซึ่งการวางแผนภาษี เป็นลดค่าใช้จ่าย
(ภาคบังคับ) เป็นการลดภาระทางภาษีตามสิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐมอบให้
มิใช่การหลีกเลี่ยงภาษีที่ผิดกฎหมาย ส่วนการวางแผนการลงทุนเป็นการเพิ่มรายได้
เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพียงพอสำหรับการบรรลุเป้าหมายภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- การถ่ายโอนความมั่งคั่ง (Wealth Distribution) โดยการวางแผนมรดก (Estate Planning)
สรุปกระบวนการสร้างความมั่งคั่ง
ต้องจัดการด้วยการวางแผนทางการเงิน (Financial
Planning) เพื่อวางแผนในเรื่องการเงินของตนเองและครอบครัวอย่างเหมาะสม
ไม่ว่าเรื่องรายได้ รายจ่าย การจัดการหนี้สิน การออม การลงทุน ภาษี
รวมไปถึงการรู้จักเตรียมตัวป้องกันความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้
สาเหตุที่คนส่วนใหญ่ไม่วางแผนทางการเงิน
- คิดว่าตนเองมีฐานะการเงินมั่นคงดีอยู่แล้ว
- คิดว่าตัวเองมีรายได้เพียงพอสำหรับภาระค่าใช้จ่ายรายวันแล้ว
- ลืมไปว่าตัวเองอาจมีโอกาสเจอกับมรสุมชีวิตบ้างในอนาคต เช่น
การว่างงาน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป็นต้น
- ไม่มีเวลาที่จะจัดทำแผนการเงินของตนเอง
- คิดว่าการวางแผนการเงินเป็นเรื่องที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- คิดว่าการวางแผนการเงินเหมาะสำหรับผู้ที่ใกล้เกษียณอายุเท่านั้น
- คิดว่าการฝากเงินในธนาคารนั้นไม่มีความเสี่ยง
ข้อดีของการวางแผนทางการเงินคือ ทำให้เกิดความชัดเจน ให้เรารู้ว่า ต้องทำอะไร ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านใด ต้องปรับแผนการใช้จ่ายอย่างไร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
แผนการเงินที่ดีต้องครอบคลุมเรื่องใดบ้าง
- การวางแผนเงินสดและบริหารหนี้สิน(Consumption Planning)
- การวางแผนจัดการความเสี่ยงและประกัน
(Insurance Planning)
- การวางแผนเกษียณ (Retirement Planning)
- การวางแผนภาษี (Tax Planning)
- การวางแผนการลงทุน (Investment Planning)
- การวางแผนมรดก (Estate Planning)
ทางเราก็มีจุดประสงค์ต้องการสานฝันให้กับคนไทย ทุกๆคน เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เพราะเป้าหมายของแต่ละบุคคลย่อมไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ
ทำอย่างไรเมื่อเกษียณแล้วไม่ตกเป็นภาระลูกหลานหรือตกเป็นภาระสังคม เรามีโครงการดีๆ
สอดคล้องกับการวางแผนทางการเงิน ไม่ว่าการวางแผนจัดการความเสี่ยงและประกัน (Insurance Planning) การวางแผนเกษียณ (Retirement
Planning) การวางแผนภาษี (Tax Planning)
การวางแผนการลงทุน (Investment Planning) และการวางแผนมรดก (Estate
Planning) ส่วนการวางแผนเงินสดและบริหารหนี้สิน(Consumption
Planning) เป็นการวางแผนงบการเงินส่วนบุคคล
ด้วยการบริหารรายได้ รายจ่ายในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดฐานะทางการเงินที่มั่นคง
จากนั้นจึงวางแผนต่อไปเพื่อการขยายผลอย่างที่เราต้องการ
การวางแผนจัดการความเสี่ยงและประกัน (Insurance Planning)
การประกัน เป็นการโอนความเสี่ยงไปให้กับบริษัทรับผิดชอบ
เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของเราไป
จริงๆแล้ว การทำประกันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การประกันชีวิต และการประกันวินาศภัย
การประกันชีวิต
นั้นเป็นการคุ้มครองรายได้ผู้นำครอบครัวหรือผู้ที่มีรายได้หลักของครอบครัว
เพื่อเป็นหลักประกันให้กับครอบครัว
ไม่ว่าเรายังอยู่หรือขี้เกียจหายใจหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถทำงานได้ ก็
ยังมีเงินก้อนๆนึง
เพื่อให้กับคนที่เรารักยังพอประคองครอบครัวไปได้ในระยะนึง(ประมาณ 3-5 ปี)
ที่จะทำให้ครอบครัวฟื้นตัวและฟื้นฟูสภาพจิตใจให้พร้อมดำเนินชีวิตต่อไปได้
จำนวนเบี้ยประกันชีวิตเท่าไหร่ที่เหมาะสม ต้องไม่เกินกว่า 10 % ของรายได้ต่อปี
แต่เนื่องจากกฎหมายบ้านเรา สามารถที่จะใช้ลดหย่อนภาษีได้ถึง หนึ่งแสนบาท
ก็อาจจะมีบางราย อาจจะมากกว่า 10 % ได้สำหรับการวางแผนจัดการความเสี่ยงและประกัน
เรามีความพร้อมที่จะยินดีให้บริการสำรวจข้อมูลมาตรฐานการครองชีพฟรี
การประกันวินาศภัย
เป็นคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สินที่เราต้องการหรือเหตุการณ์ที่เราไม่อาจคาดคิดได้
(อัคคีภัย การโจรกรรม อุทกภัยฯ) เช่น รถยนต์ บ้าน อาคารประกอบธุรกิจ การเดินทาง
เป็นต้น ซึ่งมีบริษัทฯ ชั้นนำ ดังนี้ วิริยะประกันภัย กรุงเทพประกันภัย สิินมั่นคงประกันภัย
เอ็มเอสไอจี ไทยศรีประกันภัย เป็นต้น
เราพร้อมให้บริการเสมอ
การวางแผนเกษียณ (Retirement
Planning)
เป็นการวางแผนเพื่อให้ชีวิตหลังเกษียณมีเงินจับจ่ายใช้สอยได้คล่องโดยไม่ต้องพึ่งลูกหลานหรือตกเป็นภาระสังคม
โดยต้องมีการวางแผนก่อนที่จะเกษียณอายุ ยิ่งมีเวลาออมยิ่งมาก ยิ่งดี
ทำให้เม็ดเงินที่เก็บก็มีปริมาณมากขึ้น
เรามีความพร้อมที่จะยินดีให้บริการสำรวจข้อมูลมาตรฐานการครองชีพหลังเกษียณฟรี
การวางแผนภาษี (Tax
Planning)
การวางแผนภาษี จำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์โดยใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้ถูกต้อง
มิใช่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษี เพราะสรรพากรบ้านเราเริ่มมีระบบคอมพิวเตอร์ และ
การเชื่อมโยงถึงแหล่งข้อมูลนั้นก็ง่ายขึ้นมาก การใช้วิธีซื้อบิล
เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพราะนั่นเป็นการเลี่ยงภาษี
การลงรายจ่ายต้องห้ามในรายการบัญชี ทำให้เสียผลประโยชน์ทางด้านภาษี
หากเป็นเพราะผู้ที่ทำการลงบัญชีรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในรายละเอียดว่ารายการแต่ละรายการนั้นมีข้อกำหนดไว้อย่างไร
ดังนั้น การวางแผนภาษี จึงเป็นการทำงานร่วมกับนักบัญชีและที่ปรึกษาการวางแผนภาษี
เพื่อที่ปรึกษาฯ
ได้วางระบบและโครงสร้างภาษีให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการถูกต้องตามกฎหมาย
ไม่ขัดแย้งกับสรรพากรโดยใช้หลักการเดียวกับกรมสรรพากร
เราพร้อมบริการ
โดยมีทีมงานที่ปรึกษาด้านการวางแผนภาษีเข้าไปพบท่าน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
สำหรับการแนะนำครั้งแรก
การวางแผนการลงทุน (Investment
Planning)
เป็นการลงทุนที่ได้รับอัตราผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์
แต่แน่นอนความเสี่ยงก็ย่อมสูงกว่า เคยได้ยินคำว่า High
Risk High Return หรือไม่ นั่นแหละ คือการลงทุน แต่การลงทุนในบางครั้ง ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง
สมมุติ มีเงิน 1,000,000 บาท ต้องการให้กลายเป็น 2,000,000 บาท
ฝากเงินในธนาคาร 1,000,000 บาท ดอกเบี้ย 2.43 % ต่อปี
ต้องใช้เวลา ถึง 30 ปี จึงจะได้เงิน 2,000,000 บาท
แต่ถ้าลงทุนในหุ้น ผลตอบแทน 23.09
% ต่อปี จะใช้เวลาเพียง 3 ปี
ได้เงิน 2,000,000 บาท
ซึ่งจะเห็นว่าใช้ระยะเวลาสั้นกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
ก็ขึ้นกับการจัดพอร์ตการลงทุนของผู้ที่ต้องการลงทุน
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง
ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน
เรา มีโครงการการลงทุน ที่มีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการ
การวางแผนมรดก (Estate
Planning)
การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะอย่างไร ทุกท่านต่างก็มีวัตถุประสงค์
ทำเพื่อเป็นธุรกิจของครอบครัว
แต่ในบางครั้งธุรกิจเกิดสะดุด ติดขัด
ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นของเจ้าหนี้ แล้วทายาทจะทำอย่างไร
เรา มีทีมงานทางด้านทนายความในการช่วยจัดการในการถ่ายโอนความมั่งคั่งให้กับทายาทต่อไป
แหล่งข้อมูล/ที่มา : เว็บไซต์ www.smartwealth.biz
ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์
ขอบคุณภาพประกอบจากเว็บไซต์
รับชมวีดีโองานสัมมนา. เงินทองต้องวางแผน
จาก VDO TSI Thailand Securities Institute
สัมมนาออนไลน์ โดยวิทยากรคือ ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์
จาก VDO TSI Thailand Securities Institute
สัมมนาออนไลน์ โดยวิทยากรคือ ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์
สอบถามข้อมูลการเงินและการลงทุน ติดต่อคุณนุส โทร. 086-335-1299